NPS |
ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพอเมริกาภายใต้คำสั่งประธานาธิบดี "แฮร์รี เอส. ทรูแมน" (Harry S. Truman) โจมตีจักรวรรดิญี่ปุ่นด้วยการทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรกลงที่ฮิโรชิม่าในวันที่ 6 สิงหาคม 1945 (ตามด้วยลูกที่สองลงที่นางาซากิในวันที่ 9 สิงหาคม ปีเดียวกัน) เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันกว่า 4 แสนคน
บ้านของซาดาโกะอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางการปรมาณูราว 1 ไมล์ แสงสีขาวส่องสว่างวาบ เพลวเพลิงเริ่มลุกลามไปทั่วเมือง ฝนสีดำจากกัมมันตภาพรังสีร่วงหล่นมาจากบนท้องฟ้า ซาดาโกะและครอบครัววิ่งหนีออกจากบ้านที่พังพินาศลงโดยที่ในตอนนั้นตัวเธอเองแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย
ซาดาโกะเติบโตขึ้นด้วยสภาพร่างกายเหมือนเด็กปกติทั่วไป เธอเริ่มทำตามความฝันในการเป็นนักวิ่ง แต่แล้ววันหนึ่งซาดาโกะรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เธอล้มลงและไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นด้วยตัวเอง เมื่อหมอทำการตรวจจึงพบว่าซาดาโกะเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลันอันเป็นผลมาจากการทิ้งระเบิดปรมาณูในอดีต
มะเร็งเม็ดเลือดขาวดับความฝันของซาดาโกะไปจนหมดสิ้น เธออยากกลับไปใช้ชีวิตตามปกติแต่แทบจะไม่มีความหวังเหลืออยู่เลย จนวันหนึ่งเพื่อนของเธอนำกระดาษที่พับเป็นรูปนกกระเรียนมาให้และเล่าตำนานให้ฟังว่าหากพับนกกระเรียนครบ 1,000 ตัว สิ่งที่ปรารถนาเอาไว้จะเป็นความจริง
แม้จะฟังดูเหลือเชื่อแต่ตำนานนกกระเรียนกลับกลายเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีความหวัง ตลอดเวลาหลายเดือนที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลซาดาโกะตั้งหน้าตั้งตาพับนกกระเรียนจนได้จำนวนเกินกว่า 1,000 ตัว ทว่าอาการของเธอกลับทรุดหนักลงเรื่อยๆและจากไปเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 1955
การจากไปของซาดาโกะสร้างความสะเทือนใจจนเพื่อนร่วมชั้นและนักเรียนจากทั่วประเทศพร้อมใจกันระดมทุนเรียกร้องให้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้นในสวนอนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่าเพื่ออุทิศให้กับซาดาโกะและเด็กๆที่ต้องเสียชีวิตจากผลกระทบของระเบิดปรมาณูโดยมีข้อความจารึกเอาไว้ว่า "This is our cry, This is our prayer, Peace in the world."